มือขวา ลิเวอร์พูล เปิดเผย 4 จุดเด่นที่ทีมได้จากฟุตบอลโลก 2022 พร้อมวิเคราะห์ 4 ต้นเหตุอาร์เจนตินาครองแชมป์โลก ก่อนบู๊ แมนฯ ซิตี้ ลีกคัพ
วันที่ 21 ธันวาคม 2565 เป๊ป ลินเดอร์ส ผู้ช่วยผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์สำหรับในการแถลงข่าวก่อนเกมคาราบาว คัพ (ลีกคัพ) รอบ 4 ที่จะปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ธ.ค.นี้ แข่ง 03.00 น. ตามเวลาในไทย โดยเอ๋ยถึงข้อดีที่ได้จากฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่ง ทีมชาติอาร์เจนตินา คว้าชัยชนะโลกสมัยที่ 3 ต่อจากปี 1978 และ 1986
ถึงแม้ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มขึ้น จะมีเสียงวิภาควิจารณ์มาก
เรื่องโปรแกรมการแข่งขันที่มาแทรกระหว่างฤดูของฟุตบอลลีกยุโรป แต่มือขวา เยอร์เกน คลอปป์ กล่าวถึง 4 จุดเด่นที่ ลิเวอร์พูล ได้รับจากทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ ว่า “คุณภาพของหลายๆ สิ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ดีมาก และถือเป็นผู้ชนะในความคิดของผม และมันก็ทำให้เรามีโอกาสฟื้นฟูทั้งผู้เล่นและหลักการในสนาม”
“เราไม่มีเวลาที่จะฝึกซ้อมมากนักในระหว่างฤดูกาล ซึ่งคุณต้องหาวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมในสถานการณ์แบบนี้ คุณสามารถให้พวกเขาแก้ปัญหาร่วมกันได้ นั่นเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน”
“เราทุกคนรู้ว่าการเล่นให้ประเทศของตัวเองถือเป็นเกียรติสูงสุด เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาที่ได้ทำเช่นนั้น และทำให้ผู้คนมากมายภาคภูมิใจ และพวกเขาก็กลับมายังสโมสรด้วยความรู้สึกที่แข็งแกร่ง”
“พวกเขานำพลังงานที่ดี จังหวะที่ดี เรามีการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ดีจริงๆ ในดูไบ คุณจะเห็นว่าทีมต้องการแรงจูงใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบรรดานักเตะที่กลับมาก่อนหน้านี้ล้วนดูดีขึ้น ฟุตบอลโลก ถือเป็นรถไฟเหาะทางอารมณ์สำหรับพวกเขา”
เป๊ป ลินเดอร์ส ยังวิเคราะห์ 4 ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ อาร์เจนตินา ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 อีกด้วยว่า “ผมสนุกกับการแข่งขันครั้งนี้มาก และมันพิสูจน์ให้เห็นว่าทีมที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวมากกว่า คือปัจจัยที่ชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย”
“มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคุณไม่จำเป็นต้องเป็นแชมป์กลุ่มในรอบแบ่งกลุ่มเพื่อคว้าแชมป์โลก มันเป็นเรื่องของทีมที่เติบโตมากกว่าเสมอ เพราะทีมที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นจะเป็นทีมที่อันตราย และ อาร์เจนตินา คือตัวอย่างสำคัญของเรื่องนี้”
“ผมคิดว่าแท็กติกนั้นคุณต้องดูที่บริบท มันแตกต่างจากพรีเมียร์ลีก นั่นคือสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับ อาร์เจนตินา เพราะพวกเขาเล่นด้วยจุดแข็งของตัวเอง”
“สำหรับ ลิโอเนล เมสซี มีความเด็ดขาดในจังหวะการเล่นเกมรุกหลายครั้ง พวกเขาเติบโตระหว่างทัวร์นาเมนต์ ขณะที่กองกลางของ โครเอเชีย ก็ประสานงานกันตลอดเวลา และรู้ว่าเมื่อใดควรดึงจังหวะ ตลอดจนเร่งเกมเพื่อโจมตี รวมถึงประสิทธิภาพของ เนเธอร์แลนด์ ด้วย ซึ่งผมมองว่าทีมที่เติบโตมากที่สุดสมควรได้รับชัยชนะ”
ลิเวอร์พูล จัด”ซาลาห์”บุกดวลบิ๊กแมตช์บาว คัพ
“เรือใบ” แมนฯ ซิตี้ คาดหวังชัยนัดนี้ “เออร์ลิง ฮาลันด์” ลงยืนซัดรอรับ แชมป์เก่า “ลิเวอร์พูล” ที่ตั้งใจขอผ่านป้องกันโทรฟี่ใบนี้ “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” อาสานำบุก ในการแข่งขันฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันพฤหัสบดีที่ 22 เดือนธันวาคม 2565
หงส์แดง
ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ อุ่นเครื่องเอาชนะ เอซี มิลาน ไป 4-1 ใน 90 นาทีของศึกดูไบ คัพ ก่อนมาแพ้จุดโทษ 3-4 ส่วนในลีกคัพดวลเป้าชนะ ดาร์บี้ มา 3-2 ในรอบ 3
สภาพทีมเกมนี้ คล็อปป์ ยังคงไม่มี ดิโอโก้ โชต้า, อาร์ตูร์ เมโล่ และ หลุยส์ ดิอาซ ที่ยังจะต้องใช้เวลาพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ
ด้าน อิบราฮิม่า โกนาเต้ จะกลับมาสมทบทีมหลังสุด เนื่องมาจากพา ฝรั่งเศส ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่ กาตาร์
ส่วนพวกที่กลับมาแล้วอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อลิสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน บางทีอาจจะยังไม่รีบส่งลงในเกมนี้
แต่แกนหลักที่เหลืออย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และ โจ โกเมซ รวมถึง ดาร์วิน นูนเญซ ที่กลับมาก่อนและจากนั้นก็พร้อมลงสนามช่วยทีม
การจัดทัพจะมาในระบบ 4-3-3 ให้่ ควีวีน เคลเลเฮอร์ เฝ้าเสา แนวรับใช้ คัลวิ่น แรมซี่ย์, โจ โกเมซ, แน็ท ฟิลลิปส์ และ คอสตาส ซิมิกาส
แดนกลางวาง สเตฟาน บายเซติช ยืนต่ำโดยมี ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เดิมเกมร่วมกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ส่วนสามแนวรุกเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ประสานงานกัน
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : สเตฟาน ออร์เตก้า – ริโก้ ลูอิส, เชีย ชาร์ลส์, จาเดล คาตองโก้, เซร์คิโอ โกเมซ – โคล พัลเมอร์, อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ – ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิง ฮาลันด์, การ์ลอส บอร์เกส
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวีน เคลเลเฮอร์ – คัลวิน แรมซี่ย์, โจ โกเมซ, แน็ท ฟิลลิปส์, คอสตาส ซิมิกาส – ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, สเตฟาน บายเซติช, ติอาโก้ อัลกันตาร่า – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
ผู้ตัดสิน : เดวิด คูต